คอนเซ็ปต์: การผสมผสานระหว่างเทคโนโลยี และความเป็นธรรมชาติ (The Synthesis of Future and Nature)
บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)ไอดีโอ โมบิ สุขุมวิท 40 ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 40 (ระหว่างซอยสุขใจและซอยสมานฉันท์) ย่านเอกมัยใจกลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอส เอกมัย ประมาณ 600 เมตร สามารถเดินทางเชื่อมต่อถนนสุขุมวิท และถนนพระราม 4 ได้อย่างสะดวก
เจ้าของโครงการ | บมจ. ดีเวลลอปเม้นท์ |
---|---|
เนื้อที่โครงการ | 3-0-84 ไร่ |
รูปแบบอาคาร | 8 ชั้น จำนวน 2 อาคาร |
จำนวนหน่วย | รวม 272 หน่วย |
สิ่งอำนวยความสะดวก | สระว่ายน้ำ ชั้น 2 และชั้นดาดฟ้า
ฟิตเนส ห้องอบไอน้ำ ห้องซาวน่า สวนหย่อม |
ที่จอดรถ | 146 คัน (ประมาณ 54% ไม่รวมซ้อนคัน) |
พิกัด | 13.71680, 100.58153 |
เบอร์โทรศัพท์ | 02-316-2222 |
เว็บไซต์ | ไอดีโอ โมบิ สุขุมวิท 40 |
หากใครอยู่ในทำเลนี้ ก็จะทราบกันดีอยู่แล้วว่า ซอยสุขุมวิท 40 ซึ่งเป็นทางเข้าของโครงการนี้ (ไม่ใช่ทางออก) จะเป็นถนนเดินรถทางเดียว (One way) ที่พามุ่งออกไปสู่ถนนพระราม 4
โดยเมื่อเข้ามาในซอยเลี้ยวซ้ายเข้าซอยย่อย คือ ซอยสุขใจ ก็จะถึงที่ตั้งของโครงการ ในซอยสุขใจสามารถเดินรถสวนกันได้ภายในซอยได้ ในส่วนของการเดินทางออกโครงการโดยรถยนต์ เมื่อเลี้ยวขวาออกจากโครงการภายในซอยสุขใจ และเลี้ยวซ้ายอีกทีก็จะออกถนนสุขุมวิทได้ผ่านทางซอยสุขุมวิท 42
ซึ่งหากต้องการเดินเท้ามาโครงการจากทาง BTS เอกมัย ทางทีมงาน Tooktee ก็แนะนำขอให้เข้าทางซอยสุขุมวิท 42 เช่นเดียวกัน
เนื่องจากมีระยะทางประมาณ 600 จากสถานีรถไฟฟ้า (ถ้าเข้าทางปากซอยสุขุมวิท 40 เข้าโครงการจะใช้ระยะทางประมาณ 700 เมตร)
อีกทั้งปากซอยยังมีคอมมูนิตี้มอลล์ Gate Way เอกมัย ให้ท่านได้ช้อปปิ้งก่อนทั้งไปและกลับด้วย
.
ส่วนซอยสมานฉันท์ ที่เป็นซอยย่อยที่ขนานกับซอยสุขใจ จะเป็นทางออกสำรองของทางโครงการ
ที่ตั้งโครงการอยู่ใกล้ทำเลรถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิท สถานีเอกมัย ประมาณ 600 เมตร การเดินทางโดยเท้าใช้ระยะเวลาประมาณ 7-8 นาที ผ่านทางซอยสุขุมวิท 42 ซึ่งการเชื่อมต่อสู่สถานีอโศก ที่เป็นสถานีเชื่อมต่อกับโครงข่ายรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) เพียง 4 สถานีเท่านั้น
สำหรับผู้ที่ขับรถเองเพื่อความสะดวกในการเดินทาง จะพบว่าสามารถเชื่อมต่อทางพิเศษเฉลิมมหานคร ผ่านถนนอาจณรงค์ได้
สรุประยะห่างจากจุดเชื่อมต่อสำคัญ
ที่ตั้งโครงการอยู่ในเมือง ซึ่งหากวิเคราะห์ทำเลแล้วจะพบว่า ทำเลสุขุมวิทฝั่งเลขคู่ค่อนข้างเงียบสงบมากกว่าฝั่งเลขคี่
ซึ่งได้แก่ สุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) สุขุมวิท 63 (เอกมัย) ซึ่งเป็นย่านบันเทิงกินดื่มอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งข้อดีคือ
ทำให้
ย่านนี้ไม่พลุกพล่านเหมาะแก่การพักอาศัย
แต่อย่างไรก็ตามทั้ง 2 ฝั่งก็นับได้ว่าอยู่ในทำเลเดียวกัน
การที่จะข้ามไปฝั่งสุขุมวิทเลขคี่ก็นับว่าไม่ลำบากเลย
.
สถานที่สำคัญต่างๆ รอบโครงการ หากพิจารณาภายในรัศมี 1.5 กิโลเมตร จะพบกับแหล่งช้อปปิ้งที่สำคัญในพื้นที่
คือเกตเวย์ เอกมัย ซึ่งอยู่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 42 (ระยะเดิน 600 เมตร) และ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ สุขุมวิท
ที่อยู่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 63 (เอกมัย) ) ซึ่งหากเดินทางด้วยรถไฟฟ้านั่งเพียง 2 สถานี ก็จะถึงห้างสรรพสินค้าสุดหรูอย่าง เอ็มโพเรียม และ เอ็มควอเทียร์
.
นอกจากนั้นยังมีโรงพยาบาลในพื้นที่ คือ โรงพยาบาลสุขุมวิท โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท และโรงพยาบาลเทพธารินทร์
รวมไปถึงอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตกล้วยน้ำไท ซึ่งเป็นสถานอุดมศึกษาในพื้นที่
ซึ่งนับได้ว่าสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่มีความครบครันรองรับการพักอาศัยจริงได้
ระยะห่างจากสถานที่สำคัญ (ระยะเดิน)
สิ่งอำนวยความสะดวกหลักของทางโครงการ จะอยู่บริเวณชั้น 2 ได้แก่ สระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส ห้องอบไอน้ำ และห้องซาวน่า
ในส่วนชั้น 1 จะมีสวนความยาวประมาณ 80 เมตร นอกจากสระว่ายน้ำที่ชั้น 2 แล้วนั้น
จุดเด่นของโครงการนี้คือ มีสระว่ายน้ำ 2 แห่ง อีกแห่งอยู่บริเวณชั้นดาดฟ้า
ตำแหน่งอยู่ที่อาคาร B ในส่วนของอาคาร A จะเป็นสวนดาดฟ้าแทน (Garden roof) ซึ่งระหว่าง 2 อาคาร เฉพาะชั้นดาดฟ้าจะมีทางเดินเชื่อมระหว่างอาคารได้
.
ด้านที่จอดรถจะอยู่ที่เฉพาะชั้น 1 (ห้องพักจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 ถึงชั้น 8 ทั้ง 2 อาคาร) จำนวนที่จอดรถ จอดรถได้ประมาณ 54% ไม่รวมซ้อนคัน
ลิฟต์โดยสารอาคารละ 2 ตัว รวม 2 อาคาร จำนวนลิฟต์ทั้งหมด 4 ตัว
แบบห้องของทางโครงการจะ มีลักษณะ Type ใหญ่ การออกแบบห้องหน้ากว้างเป็นพิเศษ โดยเริ่มต้นที่ขนาด 34.9 ตร.ม. ที่เป็นแบบ 1 ห้องนอน ซึ่งหากแบ่งตามฟังก์ชั่นการใช้งาน รูปแบบห้องของทางโครงการสามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภท หลักๆ ได้แก่
รูปแบบ 1 ห้องนอน (แบบ A1) ซึ่งเป็นขนาดที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นของทางโครงการ พื้นที่ใช้สอยจะมีการกั้นห้องนอนให้เป็นสัดส่วนมากยิ่งขึ้น ซึ่งรูปแบบห้อง 1
ห้องนอนขนาด 34.9 ตร.ม. ของโครงการนี้ จะไม่มีระเบียง พื้นที่ส่วนที่เป็นระเบียงจะแทนที่ด้วยการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยในตัวห้องแทน
(แบบห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 41 ตร.ม.ขึ้นไปจะเริ่มมีระเบียงให้) โดย ความที่รูปแบบห้องที่หน้ากว้าง จะแบ่งพื้นที่ใช้สอยได้ถึง 3 ส่วน ได้แก่ ห้องนอน, ห้องแต่งตัว และห้องนั่งเล่น
.
พิจารณาฟังก์ชั่นพื้นที่ใช้สอยห้องรูปแบบนี้ เมื่อเปิดประตูเข้าห้องเข้ามาจะพบกับพื้นที่ครัวแบบเปิด (Pantry) และพื้นที่ห้องนั่งเล่นที่มีหน้าต่างบานยาวประมาณ 2 เมตร
เพื่อรับแสงและสะดวกต่อการเทควิวภายนอกห้อง
.
ถัดมาจะเป็นในส่วนของห้องนอนที่มีประตูกั้นแยกจากห้องนั่งเล่น โดยก่อนถึงพื้นที่เตียงนอน จะมีพื้นที่ตู้เสื้อผ้าก่อน โดยพื้นที่นี้มีความกว้างประมาณ 1.6 เมตร
ซึ่งพื้นที่นี้อาจปรับเปลี่ยนเป็นห้องทำงานเล็กๆ ได้ ในส่วนของห้องน้ำจะอยู่ภายในห้องนอนมีความเป็นส่วนตัว แต่อาจจะไม่สะดวกเวลามีแขกมาเยี่ยมได้
แบบขนาดใหญ่กว่า 1 ห้องนอน เพิ่มพื้นที่ฟังก์ชั่นห้องอเนกประสงค์ที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอน
หรือห้องทำงานได้ ซึ่งแบบห้องนี้จะไม่มีระเบียงเช่นเดียวกันแบบ 1 ห้องนอน (Type A1)
นอกจากนั้นยังมีการเพิ่มฟังก์ชั่นห้องน้ำเพิ่มมาอีก 1 ห้อง รวมห้องรูปแบบนี้จะได้ห้องน้ำจำนวน 2 ห้อง
.
พิจารณาฟังก์ชั่นพื้นที่ใช้สอยเมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องจะพบครัวเปิด (Pantry) ก่อนลำดับแรก
ถัดมาจะเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหารและห้องนั่งเล่น เข้ามาสู่บริเวณส่วนกลางห้อง จะเป็นห้องอเนกประสงค์และห้องน้ำ
ซึ่งหมายความว่าห้องอเนกประสงค์จะไม่มีห้องน้ำอยู่ในตัวห้อง ในลำดับส่วนในสุดจะเป็นห้องนอนซึ่งมีห้องน้ำอยู่ภายในตัว
สร้างความเป็นส่วนตัว เวลามีแขกมาเยี่ยมที่ห้องได้
.
โดยหากพิจารณาภาพรวมห้องแบบ B1 B2 และ B3 ซึ่งเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนพลัสทั้งหมดนี้
ฟังก์ชั่นการใช้งานค่อนข้างใกล้เคียงกัน คือ เป็น พื้นที่ครัว/ห้องนั่งเล่น -> ห้องอเนกประสงค์ -> และห้องนอน
แบบห้อง 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ซึ่งห้องรูปแบบ 2 ห้องนอนจะอยู่ตำแหน่งห้องมุมทั้งหมด
ภายในห้องนอนใหญ่ จะมีห้องน้ำอยู่ภายในตัว พร้อมอ่างอาบน้ำ (Bath tub)
.
ซึ่งเมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในห้องก็จะเป็นพื้นที่ครัวเปิด (Pantry) คล้ายๆ กับรูปแบบ 1
ห้องนอน พื้นที่จะเชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่น และพื้นที่รับประทานอาหาร
.
โดยจะเห็นได้ว่าพื้นที่บริเวณห้องนั่งเล่นจะกว้างกว่าห้องแบบ 1 ห้องนอน
ถึงเกือบ 2 เท่า ถัดจากห้องนั่งเล่นจะเป็นห้องนอนที่ 2 (ห้องนอนที่พื้นที่น้อยกว่า Master Bedroom)
ตรงข้ามห้องนอน 2 จะเป็นห้องน้ำ และห้องลำดับถัดมาจะเป็นห้องนอนใหญ่ (Master Bedroom)
จะอยู่ด้านในสุดของตัวห้อง พร้อมห้องน้ำภายในตัว
.
ซึ่งห้องรูปแบบนี้ เหมาะแก่กลุ่มผู้พักอาศัย 2-3 คน หรือกลุ่มครอบครัวที่มีเด็กเล็ก
รวมไปถึงกลุ่มที่ต้องการห้องเพิ่มเพื่อทำเป็นห้องทำงาน หรือห้องอ่านหนังสือก็ได้
รูปแบบห้องที่ใหญ่ที่สุดของโครงการนี้ จุดเด่นของห้องรูปแบบนี้จะเป็นห้องมุมเปิดทั้ง 3 ด้าน เนื่องจากอยู่บริเวณปลายอาคาร ทำให้ทุกห้องนอนสามารถเทควิวได้โดยมีเพียงชั้นละ 1 ห้อง (รวม 2 อาคาร ประมาณ 14 ห้อง)
ฟังก์ชั่นพื้นที่ใช้สอยแบบ 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ซึ่งหมายความว่าทุกห้องจะมีห้องน้ำภายในตัว
โดยห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ (Master Bedroom) จะมีอ่างอาบน้ำอยู่ภายในห้องด้วย
นอกจากนี้พื้นที่ภายในห้องนอนใหญ่จะมีห้องแต่งตัวที่เป็นฟังก์ชั่นพื้นที่ใช้สอยเพิ่มเติมมา
.
รูปแบบห้อง 3 ห้องนอน เมื่อเข้าประตูมาจะเป็นครัวเปิด (Pantry) เมื่อเดินเข้ามาภายในห้องจะเป็นห้องนั่งเล่น
และพื้นที่รับประทานอาหาร โดยห้องนอนใหญ่ (Master Bedroom) และห้องนอนลำดับที่ 2-3 จะแยกฝั่งซ้ายขวากัน
.
รูปแบบและขนาดห้อง 3 ห้องนอนโครงการนี้ เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ รวมไปถึงผู้ที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยมากเป็นพิเศษ
ทั้งนี้ราคาค่าตัวอยู่ที่เริ่มต้นประมาณ 15.9 ล้านบาท ซึ่งหากพิจารณาทำเลและขนาดห้องที่ขนาดพื้นที่ที่ได้รับ
เหมาะแก่การพักอาศัยแบบอยู่ยาวนั้น ก็นับได้ว่าราคาก็มีความเหมาะสมทีเดียว
การออกแบบภายในตัวห้องมีฟังก์ชั่นรวมไปถึงพื้นที่การใช้งาน
กว้างขวางเหมาะแก่การอยู่จริง
อีกทั้งแนวทางการออกแบบของโครงการจะพัฒนาเป็นห้องรูปแบบที่ไม่มีระเบียงเสียส่วนใหญ่
ซึ่งมีข้อดี คือ ได้เพิ่มพื้นที่ใช้สอยจาก บริเวณปรับอากาศ (Air conditioning area)
มากขึ้น ทำให้สามารถได้ใช้ประโยชน์ของพื้นที่ทุกตารางนิ้ว
.
พอมาถึงส่วนนี้หลายคนอาจเกิดคำถามสงสัยว่า “แล้วฉันจะตากผ้าอย่างไร”
ซึ่งทางโครงการจึงมีการออกแบบช่องประตูเปิดเป็นพื้นที่วางตู้แอร์หรือคอยล์ร้อน
ที่เปิดประตูได้จากห้องนั่งเล่น ทั้งนี้สามารถดัดแปลงพื้นที่ว่างที่เหลือส่วนด้านบนตู้แอร์ตากผ้าได้
แต่อย่างไรก็ตามรูปแบบการใช้งานอาจจะไม่เหมาะสมเช่นเดียวกับการตากที่ระเบียง แต่ก็แลกมากับการได้พื้นที่ใช้สอยเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ สิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ มีการออกแบบมาให้เน้นพื้นที่สีเขียว มีความร่มรื่น สบายตา
ด้วยนวัตกรรมการใช้โซล่าเซลล์ เพื่อดึงพลังงานแสงอาทิตย์ ที่เป็นพลังงานสะอาด ร่วมกับระบบหมุนเวียนอากาศในห้องพัก
ซึ่งทางโครงการเรียกระบบนี้ว่า Smart Solar Fresh Air เป็นต้นทุนของทางโครงการที่ทำเพิ่มให้ลูกค้า
.
โดยลูกค้าจะได้ประโยชน์จากระบบนี้ คือ เมื่อมีการควบคุมการไหลเวียนอากาศ ทำให้
ลดอุณหภูมิภายในห้อง (ไม่ร้อน)
ช่วยทำให้แอร์ไม่ทำงานหนักในการเปิดช่วงแรก นอกจากนั้นยังช่วยใน
การระบายอากาศ (ควบคุมความชื้น)
ทำให้เฟอร์นิเจอร์ รวมไปถึงพื้นภายในห้อง เสื่อมอายุการใช้งานช้าลง ไม้ไม่บวม และยังช่วยลดการเติบโตของแบคทีเรียภายในห้องได้
.
ซึ่งทางโครงการได้เลือกระบบหมุนเวียนอากาศยี่ห้อ Nortis Energy ที่สามารถสั่งงานเปิด-ปิดระบบผ่านแอพพลิเคชั่น
Life Smart Application ได้
จุดเด่นที่สำคัญที่สุด คือเรื่อง
ด้านทำเลที่ตั้ง
ซึ่งที่ตั้งโครงการอยู่ทำเลในเมือง และใกล้แนวรถไฟฟ้าสาย BTS เส้นสุขุมวิท
ที่เป็นแนวรถไฟฟ้าสายแรกของประเทศไทย (เปิดใช้งานตั้งแต่ปี 2542) การพัฒนาโครงข่ายในปัจจุบัน มีการพัฒนาส่วนต่อขยายออกจากใจกลางเมืองสู่พื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ
อย่างต่อเนื่อง ทำให้ทำเลแนวรถไฟฟ้าดั้งเดิมหรือรถไฟฟ้า BTS เส้นสุขุมวิทนี้ จะเริ่มมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นการซื้อทำเลในอนาคตได้อย่างดี
.
จากทำเลที่เหมาะแก่การลงทุน รวมไปถึงการออกแบบพื้นที่ใช้สอยที่สามารถจับกลุ่มสร้างครอบครัวได้ ซึ่งหากพิจารณาราคาเริ่มต้นของทางโครงการอยู่ที่ประมาณ 4.99 ล้านบาท (ห้องแบบ 1 ห้องนอน)
หรือราคาเริ่มต้นตร.ม.ละ 14x,xxx บาท (ราคาวันที่ 3/3/2562) รูปแบบห้องแบบ Fully Furnished (แถมครัว เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน และเครื่องปรับอากาศ)
.
ซึ่งขณะนี้ทางโครงการไอดีโอ โมบิ สุขุมวิท 40 อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และกำหนดการแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่ที่ประมาณ เดือนกรกฎาคม – สิงหาคม 2562 (ปีนี้)
.
ท่านใดอ่านรีวิวและสนใจชมห้องตัวอย่างของโครงการ สามารถเข้าไปติดต่อได้ที่สำนักงานขาย (ชั่วคราว) ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าเกตเวย์ เอกมัย ชั้น 3
ได้ตั้งแต่เวลา 10.00-19.00 น. ทุกวัน
เรื่องการเดินทาง เมื่อมาถึงเกตเวย์ เอกมัยแล้ว
หากใครชื่นชอบ หรือจะส่งต่อบทความรีวิวโครงการไอดีโอ โมบิ สุขุมวิท 40 ก็สามารถกดปุ่มแชร์ข้างล่างได้เลยครับ