รีโนเวทบ้าน เพิ่มมูลค่าอยู่ที่ความพอดี

         การเพิ่มมูลค่าบ้านเก่าสักหลังหนึ่งอาจจะสร้างมูลค่ากลับมาให้เรามากกว่าต้นทุนที่เสียไป สมมุติถ้าเราจะขายบ้านสักหลังหนึ่ง แต่บ้านยังไม่พร้อมเข้าอยู่ ประตูพัง หน้าต่างชำรุด สภาพเก่าคร่ำครึ คุณคิดว่าจะขายได้ในราคาเท่าไหร่ ขายได้ตามที่เราต้องการหรือไม่ ตอบเลยว่าน้อยมากถ้าหากทำเลบ้านคุณไม่ได้อยู่ในทำเลทอง คุณคงจะเคยได้ยินคำว่า “การรีโนเวท” หรืออาจจะคุ้นๆผ่านหูมาบ้าง รีโนเวทบ้าน (Renovate House) ก็คือการบูรณะบ้านใหม่หรือพูดง่ายๆเลย ก็คือการที่เราสามารถทำสภาพบ้านเก่าๆ หลังหนึ่งให้กลายเป็นบ้านใหม่ ที่พร้อมใช้งาน ดังนั้นถ้าเราอยากขายบ้านให้ได้มูลค่าตามที่เราต้องการ เราก็ควรจะตกแต่งให้อยู่ในสภาพ “พร้อมใช้งาน” เพื่อให้ได้มูลค่าตามสมควร ถ้าหากขายตามสภาพก็อาจทำให้ราคาที่ควรได้รับนั้นลดลงตามสภาพของทรัพย์สินนั้นๆ โดยการที่จะเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินที่เรามีอยู่นั้นก็ควรอยู่บนพื้นฐานแห่งความพอดีด้วยเช่นกัน

กฎสำคัญที่ทำให้ทรัพย์สินมีมูลค่า

1. กฎแห่งการเกื้อหนุน

       องค์ประกอบหนึ่งของทรัพย์สินจะมีมูลค่าเท่าไหร่ วัดได้จากความเกื้อหนุนที่ทำให้ทรัพย์สินนั้นโดยรวมมีค่าเพิ่มขึ้น เช่น การเอาอาคารสำนักงานเก่า มาปรับปรุง ตกแต่งใหม่ โดยลงทุนปรับปรุงระบบลิฟต์ ระบบปรับอากาศ ทำให้มูลค่าทรัพย์สินนั้นเพิ่มสูงกว่าเงินที่ลงทุนไป นั้นจึงถือว่าคุ้มค่ากับเงินลงทุน

2. กฎแห่งความพอดี

        อะไรที่ขาดไปหรือมากไปย่อมไม่ดี อะไรที่ขาดไปก็ย่อมทำให้ไม่มีคุณค่าทัดเทียมกับสิ่งอื่นและอะไรที่เกินไปก็ไม่ได้มีผลต่อมูลค่าเช่นกัน เช่น ห้องชุดราคา 450,000 บาท แต่ลงทุนตกแต่งเกินเหตุ ใช้วัสดุเช่นเดียวกับบ้านราคาแพงมาก ตกแต่งไปถึง 350,000 บาท ก็ไม่ใช่ว่าจะขายได้เป็นล้าน เพราะการตกแต่งที่เกินพอดีนั้นเอง

        ถ้าเราสามารถดูแลทรัพย์สินของเราให้ดีก็จะทำให้ทรัพย์สินยังคงสภาพใหม่เหมือนเดิมได้ เช่น อาคารที่มีอายุ 100 ปี แต่โครงสร้างยังแข็งแรง เมื่อได้รับการเปลี่ยนแปลงปรับแต่งใหม่ ก็อาจจะทำให้ดูเหมือนอาคารที่มีอายุราว 20-30 ปี ในขณะเดียวกันถ้าอาคารที่ไม่ได้รับการดูแลเลยอาจจะทำให้ดูอายุมากกว่าอายุจริง  เราจึงต้องพิจารณาให้ดีว่าทรัพย์สินนั้นมีความสอดคล้องกับกฎที่กล่าวมาหรือไม่ เพื่อให้มูลค่าที่ประเมินได้ไม่เกิดความผิดพลาด ทั้งนี้ทั้งนั้นการเพิ่มมูลค่าจึงควรอยู่บนพื้นฐานของความพอดี