มนุษย์เงินเดือนที่ติดแบล็คลิสต์ แล้วเกิดคำถามว่าติดแบล็คลิสต์หรือติดบูโรซื้อบ้านได้ไหม ตอบเลยว่าไม่สามารถกู้ได้ หากไม่ทำการปลดล็อคแบล็คลิสต์เสียก่อน เนื่องจากเจ้าหน้าที่สินเชื่อจะมองว่าความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้นั้นอยู่ในระดับต่ำ และจะทำให้ปฏิเสธสินเชื่อกู้บ้านได้
ติดแบล็คลิสต์หรือติดเครดิตบูโร คืออะไร?
หลาย ๆ คนอาจเกิดความสับสนว่าคำว่าติดแบล็คลิสต์และติดเครดิตบูโรนั้นคืออะไร บางครั้งอาจเข้าใจว่าสองคำนี้มีความหมายเดียวกัน แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่
สำหรับการติดแบล็คลิสต์ หมายถึง การถูกสถาบันการเงินแห่งใดแห่งหนึ่งขึ้นบัญชีดำ ห้ามไม่ให้ทำธุรกรรมทางการเงิน เช่น ห้ามขอสินเชื่อ ห้ามเปิดบัตรเครดิต ฯลฯ สาเหตุส่วนใหญ่มาจาก การผิดนัดชำระหนี้ หรือค้างชำระจนเกินกำหนด
ส่วนคำว่าติดเครดิตบูโร หมายถึง การมีข้อมูลประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดี ซึ่งถูกบันทึกไว้ที่บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (NCB) ข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งต่อให้กับสถาบันการเงิน เมื่อมีการขอสินเชื่อ เพื่อประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ
สถานะเครดิตบูโร เรื่องสำคัญที่คนอยากซื้อบ้านต้องรู้
สถานะเครดิตบูโร เปรียบเสมือนใบประวัติการเงิน ที่ช่วยสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมการชำระหนี้ของบุคคล และวินัยทางการเงินของเจ้าของข้อมูล ซึ่งธนาคารและสถาบันการเงินจะใช้ข้อมูลเครดิตบูโรประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อต่าง ๆ รวมถึงสินเชื่อบ้านด้วย
สถานะเครดิตบูโรนั้นมีด้วยกันหลายแบบ โดยสำหรับคนที่ต้องการซื้อบ้าน ให้ดูที่สถานะเครดิตบูโร 40 เป็นหลัก ซึ่งเป็นสถานะที่อยู่ระหว่างชำระสินเชื่อ เพื่อปิดบัญชี หากคุณยังปิดชำระหนี้ไม่หมดก็มีโอกาสที่จะทำให้กู้ไม่ผ่าน
สำหรับใครที่ชำระหนี้หมดแล้ว แต่สถานะเครดิตบูโรยังขึ้นเป็นสถานะบูโร 40 และสงสัยว่าซื้อบ้านได้ไหม ให้รออย่างน้อย 3 เดือน สถานะเครดิตบูโรก็จะเข้าสู่สถานะปกติ ทำให้สามารถยื่นกู้ซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น
สถานะบัญชีเครดิตบูโรสำคัญที่ต้องรู้
การมีเครดิตบูโรที่ดีจะช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อบ้านง่ายขึ้น ดอกเบี้ยเงินกู้ถูกลง ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว ดังนั้นควรใส่ใจดูแลรักษาเครดิตบูโรให้ดี โดยชำระหนี้ค่างวดตรงเวลา ไม่สร้างหนี้เกินตัว ไปดูกันว่าสถานะเครดิตบูโรนั้นมีอะไรบ้าง ตัวเลขแต่ละตัวบ่งบอกถึงสถานะอย่างไร
-
สถานะบูโร 010 หรือ 10 สถานะปกติ
-
สถานะบูโร 011 หรือ 11 ชำระหนี้ครบตามจำนวน
-
สถานะบูโร 012 หรือ 12 ขอพักชำระหนี้ตามนโยบายของสมาชิก
-
สถานะบูโร 013 หรือ 13 ขอพักชำระหนี้ตามนโยบายของรัฐ
-
สถานะบูโร 014 หรือ 14 มีการขอพักชำระหนี้เกษตรกรตามนโยบายของรัฐ
-
สถานะบูโร 020 หรือ 20 ค้างชำระหนี้เกิน 90 วัน
-
สถานะบูโร 021 หรือ 21 มีการค้างชำระหนี้เกิน 90 วัน เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์ที่ไม่ปกติ
-
สถานะบูโร 030 หรือ 30 อยู่ในกระบวนการทางกฎหมาย
-
สถานะบูโร 031 หรือ 31 อยู่ในระหว่างชำระหนี้ตามคำพิพากษา
-
สถานะบูโร 032 หรือ 32 ศาลพิพากษายกฟ้อง
-
สถานะบูโร 033 หรือ 33 ปิดบัญชี เนื่องจากตัดเป็นหนี้สูญ
-
สถานะบูโร 040 หรือ 40 อยู่ระหว่างชำระสินเชื่อ เพื่อปิดบัญชี
-
สถานะบูโร 041 หรือ 41 เจ้าของข้อมูลขอตรวจสอบรายการ
-
สถานะบูโร 042 หรือ 42 โอนหรือขายหนี้ที่ค้างชำระเกิน 90 วัน
-
สถานะบูโร 043 หรือ 43 โอนหรือขายหนี้และชำระหนี้เสร็จสิ้น
-
สถานะบูโร 044 หรือ 44 โอนหรือขายหนี้ที่เป็นสถานะบัญชีปกติ
ค้างชำระกี่เดือนถึงจะติดเครดิตบูโร?
การติดเครดิตบูโรกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับใครหลายคน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการกู้ซื้อบ้าน สำหรับการค้างชำระหนี้นั้น หากเกิน 30 วัน สถาบันการเงินจะส่งข้อมูลการค้างชำระไปยังบริษัทข้อมูลเครดิต แต่ยังไม่ถือว่าติดบูโรแต่ในกรณีที่มีการค้างชำระเกิน 90 วันจะถือว่าติดเครดิตบูโร โดยข้อมูลจะปรากฏในรายงานเครดิตบูโร ซึ่งระยะเวลาในการติดเครดิตบูโรนั้นหากเป็นหนี้เสียที่ชำระแล้วข้อมูลจะอยู่ในเครดิตบูโร 5 ปี นับจากวันที่ชำระหนี้ครบถ้วน แต่หากเป็นหนี้เสียที่ยังไม่ชำระข้อมูลจะอยู่ในเครดิตบูโร 7 ปี นับจากวันที่สิ้นสุดสัญญา
ติดแบล็คลิสต์ซื้อบ้านได้ไหม?
คำตอบคือ สามารถซื้อได้ ถ้าใช้วิธีกู้ร่วมกับคนในครอบครัวที่มีประวัติขาวสะอาด หรือปลดแบล็คลิสต์เรียบร้อยแล้ว ในที่นี้หมายถึงถูกถอนรายชื่อจากเครดิตบูโร ซึ่งต้องรอประมาณ 2-3 ปี หรือต้องชำระหนี้สินทั้งหมดให้เรียบร้อยก่อน และไม่มีประวัติค้างชำระใดๆ ทั้งสิ้น โดยมนุษย์เงินเดือนที่กำลังคิดอยากมีคอนโดสักห้อง บ้านสักหลัง สามารถปลดล็อคอุปสรรคนี้ได้ ด้วย 2 วิธีการต่อไปนี้
วิธีที่ 1 มนุษย์เงินเดือนปลดแบล็คลิสต์ ด้วยสถานะการเงินสภาพคล่องดี
-
ลิสต์รายการหนี้สินค้างชำระ ทั้งหมด ไม่ว่าจะเงินต้น หรือดอกเบี้ย
-
จัดสรรหนี้ให้เป็นก้อนเดียว ช่วยลดอัตราดอกเบี้ยได้
-
ปรับพฤติกรรมใหม่ในการชำระหนี้ ให้ตรงกำหนดวันชำระ และเก็บใบเสร็จไว้ทุกครั้ง เพื่อนำมาเป็นหลักฐานในการยื่นกู้
-
เก็บหอมรอมริบเงินก้อน ทั้งจากเงินโบนัส ค่าคอมมิชชั่น เงินที่มนุษย์เงินเดือนได้จากการทำงานพิเศษหรือโบนัส เพื่อนำมาปิดยอดหนี้สินทั้งหมด ทำให้การกู้บ้านมีเงินเหลือมากขึ้น
-
เลิกเป็นมนุษย์เงินผ่อน หรือทำบัตรเครดิตเพิ่ม เพราะเป็นสาเหตุหลักของมนุษย์เงินเดือนในการติดแบล็คลิสต์
ค้นหาโครงการบ้าน คอนโด ทาวน์โฮม ได้ที่นี่
วิธีที่ 2 มนุษย์เงินเดือนปลดแบล็คลิสต์ ด้วยสถานะการเงินกำลังประสบปัญหา
จัดสรรความสำคัญของหนี้แต่ละประเภท โดยพิจารณาจากอัตราดอกเบี้ยเป็นอันดับแรก ทันทีที่รู้ตัวว่ากำลังประสบปัญหาทางการเงิน
-
จัดสรรความสำคัญของหนี้แต่ละประเภท โดยพิจารณาจากอัตราดอกเบี้ยเป็นอันดับแรก ทันทีที่รู้ตัวว่ากำลังประสบปัญหาทางการเงิน
-
เจรจาต่อรองกับธนาคาร เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ช่วยแบ่งเบาภาระลดอัตราดอกเบี้ย และขยายระยะเวลาในการชำระ ภายหลังจากจัดเรียงความสำคัญหนี้สินแล้ว
-
บอกเลิกเป็นมนุษย์เงินผ่อน และใช้วิธีออมเงินก้อนหรือนำเงินรายได้พิเศษมาโปะก้อนหนี้สินแต่ละอัน เพื่อปลดล็อคแบล็คลิสต์แบบถาวร
-
ตรวจสอบข้อมูลติดแบล็คลิสต์ของตนเองอีกครั้ง พร้อมเก็บหลักฐานนำมายืนยันกับเจ้าหน้าที่ธนาคารทันทีที่ปลอดแบล็คลิสต์เนื่องจากรายชื่อแบล็คลิสต์จะถูกจัดเก็บไว้ในข้อมูลเครดิตบูโรถึง 3 ปี
-
รักษาเครดิตขาวสะอาดนี้ไว้ เพื่อให้ขอกู้เงินซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น
วิธีที่ 3 รอระยะเวลาตามที่ธนาคารกำหนด
การติดบูโรนั้นส่งผลเสียต่อสภาพการเงิน ดังนั้นควรวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ ชำระหนี้ให้ตรงตามเวลา เพื่อป้องกันไม่ให้ติดเครดิตบูโร สำหรับใครที่ติดเครดิตบูโรไปแล้ว แต่ต้องการซื้อบ้าน หากไม่ทำตามวิธีข้างต้นที่ได้แนะนำไปก็จำเป็นจะต้องรอระยะเวลาตามที่ธนาคารกำหนด โดยเครดิตบูโรจะกลับสู่สถานะปกตินั้นมีระยะเวลา ดังนี้
-
หนี้เสียที่ชำระแล้ว: ข้อมูลจะอยู่ในเครดิตบูโร 5 ปี นับจากวันที่ชำระหนี้ครบถ้วน
-
หนี้เสียที่ยังไม่ชำระ: ข้อมูลจะอยู่ในเครดิตบูโร 7 ปี นับจากวันที่สิ้นสุดสัญญา
จะรู้ได้อย่างไรว่าติดเครดิตบูโร?
สำหรับใครที่กำลังวางแผนจะซื้อบ้านเป็นของตัวเอง แต่ไม่มั่นใจว่าติดเครดิตบูโรหรือไม่ สามารถเช็กก่อนได้ ซึ่งวิธีการเช็กสถานะเครดิตบูโรนั้นสามารถทำได้หลายช่องทาง ดังนี้
-
ตรวจสอบผ่านแอปพลิเคชั่นทางรัฐได้ฟรี โดยดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น "ทางรัฐ” เข้าสู่ระบบ เลือก "ตรวจสอบเครดิตบูโร"
-
ตรวจสอบผ่านตู้คีออสเครดิตบูโร โดยตรวจสอบได้ที่ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร โดยมีค่าธรรมเนียม 20 บาท
-
ตรวจสอบทางไปรษณีย์ โดยยื่นคำขอตรวจสอบทางไปรษณีย์ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 7-15 วัน
-
ติดต่อบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB) โดยยื่นคำขอเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมสำเนาบัตรประชาชน ซึ่งจะเสียค่าธรรมเนียม 100 บาท
ไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหว ติดตาม Tooktee (ทุกที่) ผ่านโซเชียลมีเดีย