ปลดล็อกดาวน์ดันเฟอร์นิเจอร์ยอดพุ่ง “อินเด็กซ์-เอสบีฯ” เร่งเพิ่มช่องทางออนไลน์ หลังออเดอร์ช่วงปิดห้างโต 10 เท่า


16 / 06 / 2020

หลังการประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ผลกระทบที่เกิดกับกลุ่มธุรกิจร้านค้าโมเดิร์นเทรดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือกลุ่มห้างสรรพสินค้า ในขณะที่กลุ่มที่ได้รับผลกระทบไม่แพ้กันคือ กลุ่มร้านค้าเฟอร์นิเจอร์ และวัสดุก่อสร้างแบบโมเดิร์นเทรด ซึ่งต้องหยุดการดำเนินธุรกิจนานกว่า 2 เดือน แน่นอนว่าในด้านยอดขายของกลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ น่าจะเป็นกลุ่มที่ได้รับกระทบมากที่สุด เพราะลูกค้าไม่สามารถเข้าชมเลือกซื้อสินค้าได้ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเฟอร์นิเจอร์นั้นเป็นที่ทราบกันดีลูกค้าต้องการสัมผัสและทดลองใช้จริงก่อนตัดสินใจซื้อ

น.ส.กฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลีฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลให้รัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ และมีผลให้ห้างสรรพสินค้าต่างๆ รวมถึงร้านค้าวัสดุก่อสร้างและร้านค้าเฟอรร์นิเจอร์ที่ให้บริการในรูปแบบโมเดิร์นเทรดต้องหยุดให้บริการชั่วคราว ทำให้ผู้ประกอบการร้านค้าโมเดิร์นเทรดทุกรายได้รับผลกระทบ ต้องแบกรับต้นทุนเพิ่มขึ้นเนื่องจากไม่สามารถเปิดให้บริการได้ ขณะที่รายได้จากการขายลดลง ทำให้ผู้ประกอบการทุกรายมีการปรับตัวรักษากระแสเงินสด และบริหารต้นทุนให้ดีที่สุด

ซึ่งในส่วนของ อินเด็กซ์ฯ ถือว่าโชคดีเพราะมีการปรับลดต้นทุนมาตั้งแต่ปี 62 ทำให้ช่วงประกาศล็อกดาวน์ไม่ได้แบกต้นทุนสูงเกินควร จึงยังรักษากระแสงเงินสดไว้ได้ในระดับที่ดี อย่างไรก็ตาม แม้ก่อนหน้าบริษัทจะมีการลดต้นทุนลง แต่ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 บริษัทจำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายเพิ่ม โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายที่เกิดจากงานกลุ่มเอาต์ซอร์ส เช่น ลดจำนวนพนักงานรักษาความปลอดภัยและแม่บ้าน ในส่วนนี้บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายไปถึง 50%

"แม้ว่าช่วงปกติ อินเด็กซ์ฯ จะมีการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ลง แต่ในช่วงเกิดวิกฤตโควิด-19 ทำให้เห็นได้ว่า บริษัทยังสามารถลดต้นทุนที่เป็นส่วนเกินได้อีกค่อนข้างมาก"

นอกจากนี้ การปรับตัวที่ค่อนข้างรวดเร็วของบริษัทยังช่วยลดต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะทันทีที่ทราบข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในต่างประเทศ ในช่วงเดือน ม.ค.63 บริษัทได้ปรับแผนหยุดการขยายสาขา เพื่อรักษาสภาพคล่อง ให้มีกระแสเงินสดหมุนเวียน เพื่อเป็นการรักษาสภาพคล่องของบริษัทในปี 64 บริษัทอาจยังไม่มีแผนขยายสาขาใหม่ แต่จะหันไปสร้างยอดขายแทน ขณะเดียวกัน ก็มีการรีโนเวตสาขาเดิมแทนการสร้างสาขาใหม่ ซึ่งในการรีโนเวตสาขาเดิมนั้น จะควบคุมงบประมาณการปรับปรุงสาขาให้อยู่ในวงเงินไม่เกินหลักแสน จากปกติในการปรับปรุงสาขาแต่ละครั้งจะใช้งบปรับปรุงกว่า 10 ล้านบาท


 

อินเด็กซ์ ลีฟวิ่งมอลล์

อินเด็กซ์ ลีฟวิ่งมอลล์


ก่อนหน้านี้ สาขาที่มีการปรับปรุงใหม่ คือสาขาเอกมัย สาขาบางนา สาขารังสิต โดยมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบภายในร้าน เช่น การจัดวางสินค้าใหม่เพื่อง่ายต่อการเลือกซื้อ เพิ่มจำนวนสินค้าให้ครบครันมากขึ้น เพื่อรองรับลูกค้าที่จะกลับเข้ามาซื้อสินค้าหลังปลดล็อกดาวน์ นอกจากนี้ ในช่วงล็อกดาวน์บริษัทยังได้เพิ่มช่องทางการขายผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อยอดขายผ่านออนไลน์โดยมีมียอดขายเพิ่มขึ้น 7-8 เท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 62 โดยในช่วงเดือนมี.ค.ยอดขายออนไลน์เติบโตถึง 3 เท่าตัว เนื่องจากลูกค้าหันมาซื้อออนไลน์มากขึ้น สำหรับการทำตลาดออนไลน์นั้นจะทำผ่านช่องทางที่หลากหลาย เช่น Line, Facebook, เว็บไซต์อินเด็กซ์, Lazada, Shopee อย่างไรก็ตาม ในส่วนของยอดขายที่เกิดจากออนไลน์ก็ยังไม่ครอบคลุมยอดขายหน้าร้านที่หายไปทั้งหมด แต่ก็สามารถช่วยให้ยอดขายปรับตัวดีขึ้น

ขณะเดียวกัน อินเด็กซ์ฯ มีการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อติดตามดูสถานการณ์ และผลกระทบจากวิกฤตในครั้งนี้ ซึ่งในเบื้องต้นบริษัทประเมินว่าวิกฤตที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบันเป็นแค่จุดเริ่มต้นและยังไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถประเมินสถานการณ์วิกฤตในครั้งนี้ว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจมากแค่ไหน

น.ส.กฤษชนก กล่าวว่า สำหรับมาตรการที่อินเด็กซ์ใช้ในช่วงล็อกดาวน์ และจะยังคงใช้ต่อเนื่องหลังมีการปลดล็อกดาวน์และเปิด ให้บริการร้านค้าเฟอร์นิเจอร์ คือ การให้พนักงานสวมหน้ากากอนามัย การจัดโต๊ะลงทะเบียนสำหรับลูกค้าก่อนเข้าใช้บริการ การตีเส้นเว้นช่องว่าง เมื่อลูกค้าชำระเงิน การกั้น partition ที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ การนำระบบ QR Code มาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระเงิน การทำความสะอาดอุปกรณ์ และพื้นที่ตามช่วงเวลาที่กำหนด ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของลูกค้าสูงอายุได้ด้วย
 


ปลดล็อกดาวน์ ดันยอดขายระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่รัฐบาลมี การปลดล็อกดาวน์ ในวันที่ 17 พ.ค.นี้ จะส่งผลดีต่อธุรกิจ และร้านค้าในรูปแบบโมเดิร์นเทรดทั้งหมด โดยในส่วนของเฟอร์นิเจอร์นั้นจะได้รับผลดีทางด้านยอดขายที่เพิ่มขึ้น แต่ยอดขายที่เพิ่มขึ้นนั้นจะดีในช่วงระยะสั้น ซึ่งเป็นผลมาจากการสะสมของดีมานด์มาในช่วงล็อกดาวน์ ดังนั้น คาดว่าในช่วงต้นเดือน มิ.ย.ถึงกลางเดือน ก.ค.63 ยอดขายเฟอร์นิเจอร์จะดีมาก แต่ในช่วงไตรมาส 3 กำลังซื้อจะเริ่มลดลงจากผลกระทบจากการลดการจ้างงาน และรายได้ที่ลดลงของบุคลากรของธุรกิจต่างๆ ซึ่งจะทำให้ตลาดเฟอร์นิเจอร์กลับมาชะลอตัวอีกครั้ง เพราะแม้ว่าเฟอร์นิเจอร์จะเป็นสินค้าจำเป็น แต่ลูกค้ายังสามารถชะลอเวลาในการซื้อได้ ขณะที่กลุ่มสินค้าอื่นๆ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยจะได้รับผลกระทบมากที่สุด ทั้งนี้ อินเด็กซ์ฯ ประมาณการว่าในไตรมาสที่ 3 -4 ยอดขายเฟอร์นิเจอร์ และสินค้าตกแต่งบ้านจะหดตัวลง 15 -20% เมื่อประเมินตลาดรวมในปีนี้ คาดว่าตลาดรวมจะติดลบประมาณ 10%

"ในภาวะเช่นนี้ การปรับตัวของผู้ประกอบการที่ดีที่สุด คือ การรักษาสภาพคล่อง ขณะที่กลุ่มธุรกิจทั่วไปที่สายป่านไม่ยาวพอ ในช่วงเดือน พ.ค.นี้ คงต้องปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อพยายามรักษาธุรกิจไว้ให้ได้"

สำหรับแนวทางในการปรับตัวของ อินเด็กซ์ฯ นั้นแม้ว่ารัฐจะปลดล็อกดาวน์ให้กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ในร้านค้าโมเดิร์นเทรด กลับมาเปิดให้บริการได้ แต่บริษัทก็จะไม่ทิ้งช่องทางออนไลน์ในการดำเนินธุรกิจ พร้อมกันนี้ก็ต้องพัฒนาช่องทางการออนไลน์ให้ดีขึ้น ขณะเดียวกัน เพื่อรองรับกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าหลักที่ลดลง อินเด็กซ์ฯ จะมีการเพิ่มรายการผลิตสินค้าระดับกลางราคาประหยัดออกสู่ตลาดมากขึ้น ส่วนกลุ่มสินค้าพรีเมียมจะไม่มีการออกรายการสินค้าเพิ่ม หรือลดรายการสินค้าใหม่ลงประมาณ 50% และลดค่าใช้จ่าย เช่น การลดเวลาทำโอทีของพนักงาน รปภ. แม่บ้าน ซึ่งเป็นการลดลงในระยะยาว

ทั้งนี้ รายได้ของอินเด็กซ์ ในช่วงล็อกดาวน์ 2 เดือนที่ผ่านมาลดลงไปกว่า 50% ขณะที่ตลาดรวมหดตัว 10% แต่โชคดีที่ในต่างจังหวัดยอดมียอดขายที่ดี ประกอบกับมีงานโครงการจัดสรรและคอนโดมิเนียมที่เซ็นสัญญาไว้ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมากว่า 800 ล้านบาท ทำให้ในไตรมาส 2 นี้มีรายได้เกินกว่าเป้าที่วางไว้ นอกจากนี้ ในช่วงวิกฤตโควิด-19 โครงการจัดสรรและคอนโดมีการจัดแคมเปญแถมบิลต์อินเพื่อเร่งปิดการขายโครงการทำให้มียอดขายใหม่เข้ามาเพิ่มเติมทำให้ยอดขายของอินเด็กซ์ยังไปได้ดี

“อย่างไรก็ตาม การดีลกับโครงการจัดสรรในช่วงนี้ อินเด็กซ์ต้องมีการตรวจสอบเครดิตของโครงการ โดยเฉพาะในกลุ่มโครงการใหม่ๆของผู้พัฒนารายย่อยมากขึ้น เราต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดปัญหาจากการผิดสัญญาของโครงการจัดสรรที่อาจมีปัญหาขาดสภาพคล่องด้วย”
 

ธัญญรักข์ ชวาลดิฐ

ธัญญรักข์ ชวาลดิฐ


“เมื่อเกิดภาวะที่กระทบต่อลูกค้าและการดำเนินธุรกิจในช่วงที่ล็อกดาวน์ เอสบี มีการปรับระบบบริหารจัดการ ด้านการขาย สิ่งที่เราให้ความสำคัญและลงมือทำทันที คือ 1.การสร้างความมั่นใจ ทั้งต่อลูกค้าและพนักงาน ในเรื่องความปลอดภัยและมาตรการป้องกันต่างๆ เริ่มต้นจากการจัดการภายใน ไม่ว่าจะเป็นการตรวจวัดอุณหภูมิพนักงานทุกคนเป็นประจำทุกวัน แจกหน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์เจล การกำหนดให้พนักงานใส่หน้ากากทำงานขณะปฏิบัติหน้าที่ การจัดหาน้ำยาฆ่าเชื้อประจำรถ เพื่อฉีดพ่นทำความสะอาดสินค้า และจุดสัมผัสต่างๆ ที่บ้านของลูกค้า” นางธัญญรักข์ ชวาลดิฐ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท เอสบี เฟอร์นิเจอร์ กล่าว

2.ให้ความช่วยเหลือลูกค้า ทั้งเรื่องการยืดหยุ่นเงื่อนไขต่างๆ เช่น ขยายเวลา cash reward ของลูกค้าที่กำลังจะหมดอายุไปถึงสิ้นปี จัดพนักงานคอยทำหน้าที่ผู้ช่วยส่วนตัวในการซื้อสินค้าแบบออนไลน์ โดยมีพนักงานช่วยตอบคำถาม ส่งรูปสินค้า หรือวิดีโอสินค้าที่ลูกค้าเพื่อช่วยในการตัดสินใจ และจัดให้มีแคมเปญโปรโมชันพิเศษกับลูกค้าที่ซื้อออนไลน์ เช่น ผ่อน 0% ได้ จ่ายผ่านบัตรเครดิตได้ จัดให้มี Interior Designer ทำแบบให้ลูกค้า และให้คำปรึกษาแบบ Real Time ผ่าน Line Call และ มีหน่วยงานพร้อมออกวัดพื้นที่ให้ลูกค้าหากลูกค้าต้องการด่วน จัดคิวส่งสินค้าเร่งด่วนพิเศษ ภายใน 48 ชม. เพื่อลูกค้าที่ต้องการใช้สินค้าเร่งด่วน

สำหรับมาตรการล็อกดาวน์ที่มีผลให้ต้องปิดบริการร้านค้าโมเดิร์นเทรดชั่วคราวที่เกิดขึ้น SB Design Square ก็ต้องปิดโชว์รูมทุกแห่ง แต่การซื้อขายเฟอร์นิเจอร์ทางแพลตฟอร์มออนไลน์ยังเปิดบริการตามปกติ ซึ่งการดำเนินธุรกิจจะเทมาทางออนไลน์ ผ่านทางเว็บไซต์ sbdesignsquare.com และ konceptfurniture.com และจากการทำตลาดออนไลน์มากขึ้น พบว่าในช่วงที่ลูกค้าที่มีเวลาอยู่บ้านมากขึ้น ทำให้มีลูกค้าจำนวนมากหันมาสนใจและให้ความสำคัญกับเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้าน โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมคือกลุ่มสินค้าที่สร้างความผ่อนคลาย เช่น โซฟา เก้าอี้พักผ่อน นอกจากนี้ การทำงานแบบ Work From Home ที่เพิ่มขึ้นยังให้โต๊ะทำงานและเก้าอี้เป็นอีกกลุ่มสินค้าที่ขายดีมาก
 

เอสบี ดีไซน์สแควร์

เอสบี ดีไซน์สแควร์


อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ล็อกดาวน์ เอสบีฯ มีการปรับแผนการตลาด โดยเน้นการสื่อสารผ่านออนไลน์ โดยเฉพาะ LINE @sbdesignsquare และ FACEBOOK SB Home / SB Design Square โดยมีการเปิดบริการใหม่ We shop for You คือให้ลูกค้ามีผู้ช่วยส่วนตัว “ชอปแทนคุณ” ซึ่งลูกค้าสามารถชอปได้ง่ายๆ ใน 4 ขั้นตอน ผ่านทาง LINE : @sbdesignsquare หรือ Inbox ไปที่ FACEBOOK SB Home / SB Design Square โดย 1.ทักแชตสอบถามสินค้า 2.เอสบี จะส่งภาพหรือวิดีโอ และข้อมูลสินค้าไปให้คุณ 3.สั่งซื้อและชำระเงินได้ทันที 4.จัดส่งและติดตั้งฟรีในเขต กทม.-ปริมณฑล

“ในแง่ของยอดขาย สำหรับช่องทางออนไลน์ พบว่า มียอดขายเฉลี่ยต่อเดือนโตขึ้น 10 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้วแต่ในส่วนของโชว์รูม คงต้องรอให้ทุกสาขาเปิดการขายอย่างเต็มรูปแบบอีกสักระยะ จึงจะประเมินสถานการณ์ได้”

ขณะเดียวกัน เอสบีฯ ได้ออกมาตรการเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า อีกทั้งยังเป็นการดูแลเพื่อความปลอดภัยของพนักงาน โดยเริ่มจากในส่วนของพนักงานจัดส่งและติดตั้ง ซึ่งต้องตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของช่างและพนักงานก่อนเข้าพื้นที่ปฏิบัติงาน ต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ ทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ก่อนแพกสินค้า พนักงานล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจล เพื่อฆ่าเชื้อโรค มีฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคภายในรถขนส่งสินค้า มีการเว้นระยะห่าง 2 เมตร จากลูกค้าขณะปฏิบัติงาน เมื่อติดตั้งเสร็จพนักงานจะฉีดสเปรย์ฆ่าเชื้อที่เฟอร์นิเจอร์ และเช็ดทำความสะอาดบริเวณมือจับและลูกบิดประตูบ้านของลูกค้าอีกด้วย
 


นางธัญญรักข์ กล่าวว่า สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจหลังคลายล็อกดาวน์นั้น ในส่วนของโชว์รูม เอสบีฯ มีมาตรการในแง่ของ Physical Distancing เพื่อให้ความมั่นใจและความปลอดภัยขั้นสูงสุดแก่ลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการ ได้แก่ 1) ตรวจวัดอุณหภูมิลูกค้าทุกท่านก่อนเข้าร้าน 2) ลูกค้าสแกน QR CODE ก่อนเข้าพื้นที่ 3) ลูกค้าและพนักงานต้องสวมหน้ากากตลอดเวลาที่อยู่ในพื้นที่ 4) พนักงานเว้นระยะห่างจากลูกค้า 1-2 เมตร 5) ลูกค้าเข้าออกตามจุดที่กำหนดไว้ 6) มีการจัดที่นั่งแบบเว้นระยะห่าง บริเวณ Customer Lobby 7) มีจุดบริการสบู่และเจลล้างมือ 8) ใช้ E-Payment ในการชำระเงิน เพื่อลดการสัมผัส

ส่วนด้านการตลาด ได้เตรียมโปรโมชัน ชอปวันนี้ ลดเพิ่มทันที 10% ไม่มีขั้นต่ำ หรือลดเพิ่ม 15% เมื่อชอปครบ 50,000 บาทขึ้นไป และสำหรับลูกค้าที่มีบัตรกำนัลส่วนลด (SB Cash Reward) ซึ่งจะหมดอายุลงในเดือนมีนาคม 2563 ทาง เอสบี ดีไซน์สแควร์ ก็ยินดีขยายเวลาในการใช้สิทธิ Cash Reward ได้ถึงวันที่ 31 ธ.ค.63

ทั้งนี้ เอสบีฯ คาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ พฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคจะมีการเปลี่ยนแปลง หลังจากในช่วงที่ผ่านมาลูกค้ามีประสบการณ์ในการซื้อผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม สำหรับลูกค้าที่ต้องการดูแบบหรือเซ็ตแบบ เอสบีฯ ได้จัดให้มีการให้บริการแบบพบหน้าพูดคุยกันเพื่อรับ Requirement ของลูกค้าได้โดยละเอียด ซึ่งเอสบีฯ ก็มีบริการส่งอินทีเรียร์ดีไซเนอร์ให้บริการถึงบ้าน

เว็บไซต์อ้างอิง : https://mgronline.com/stockmarket/detail/9630000051498

ไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหว ติดตาม Tooktee (ทุกที่) ผ่านโซเชียลมีเดีย

บทความที่เกี่ยวข้อง
รายการ