ปีนี้คนที่กำลังมองหาซื้อที่อยู่อาศัยคงได้เห็นโปรโมชั่น ดีลอสังหาริมทรัพย์ราคาพิเศษมากมายจากหลายโครงการ ออกมาล่อตาล่อใจชวนให้เราซื้อบ้านซะเดี๋ยวนี้ แถมยังมีมาตรการพยุงเศรษฐกิจ 2562 หรือ “มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง” ให้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 200,000 บาท ที่คาดว่าจะช่วยลดต้นทุนในการซื้อบ้านของประชาชน แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้รับประโยชน์จากการลดหย่อนเป็นเงินจำนวน 200,000 บาทจริง ๆ นะ เพราะขึ้นอยู่กับฐานภาษีของแต่ละคนด้วย หลายคนคงจะยังไม่เข้าใจว่ามาตรการที่ว่าใช้ได้กับใครบ้าง? และจะได้การลดหย่อนภาษีเท่าไหร่? ไม่ต้องห่วง Tooktee จะมาไขข้อสงสัย ให้คนซื้อบ้านเข้าใจง่ายๆ ได้ดีลอสังหาดี ๆ อย่างสบายใจ
ใครได้ประโยชน์บ้าง?
-
คนที่มีรายได้ต่อเดือนมากกว่า 25,833 บาท/เดือน (กรณีโสด ไม่มีค่าลดหย่อนอื่น ๆ นอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนดที่ 60,000 บาทสำหรับผู้มีเงินได้ และไม่ได้จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม) เพราะหากรายได้ต่ำกว่านี้คุณก็ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอยู่แล้ว จึงไม่ได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้นั่นเอง (อ่านคำอธิบายเพิ่มเติมด้านล่าง)
-
สำหรับผู้ซื้อบ้านพร้อมที่ดิน หรือ คอนโดมิเนียมหลังแรก (ผู้ซื้อต้องไม่เคยมีชื่อในทะเบียน หรือ ไม่เคยเป็นเจ้าของอสังหาฯ มาก่อน)
-
เป็นบ้านพร้อมที่ดิน หรือ คอนโด มือหนึ่ง หรือ มือสองก็ได้
-
มูลค่าบ้านพร้อมที่ดิน หรือ คอนโดไม่เกิน 5 ล้านบาท
-
มีการโอนกรรมสิทธิ์ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 เมษายน - 31 ธันวาคม 2562
-
หากอยู่ระหว่างดาวน์ จะไม่สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ เพราะถือว่ายังไม่โอนกรรมสิทธิ์
-
ผู้ซื้อต้องถือครองกรรมสิทธิ์ติดต่อกันอย่างน้อย 5 ปี นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ (แต่ไม่รวมถึงกรณีผู้ซื้อเสียชีวิต หรือกรณีอสังหาริมทรัพย์นั้นสิ้นสภาพไปทั้งหมด)
เงินเดือนเท่าไหร่ จะได้ลดหย่อนภาษีจากการซื้อบ้านไปเท่าไหร่บ้าง?
หลายคนอาจสงสัยว่าการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุด 200,000 บาทในที่นี้ เราจะได้ลดจริงๆ เท่าไหร่กันแน่ ในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบบขั้นบันได ยิ่งรายได้สุทธิมาก ต้องเสียภาษีมาก ก็ยิ่งมีโอกาสได้ลดหย่อนภาษีมากนั่นเอง ตามสูตรการคำนวณด้านล่างนี้
-
รายได้ = รายได้รวมทั้งปี
-
หักค่าใช้จ่าย = 50% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
(สำหรับรายได้ประเภทที่ 1 เงินเดือน และ 2 เงินค่าจ้างทั่วไป) -
หักค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
ตัวอย่าง: ผู้ไม่ได้รับผลประโยชน์
(ค่าลดหย่อนส่วนตัว ใช้เป็นค่าลดหย่อนแบบเหมา 60,000 บาทต่อปี สำหรับผู้ยื่นภาษีทุกคน)ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้รับประโยชน์จากการให้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพราะ คนที่มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาก็ไม่ได้รับประโยชน์จากการลดหย่อนนั่นเอง แล้วต้องเงินเดือนเท่าไหร่ ถึงจะได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้?
ผู้ที่ไม่ต้องเสียภาษีคือ ผู้ที่มีรายได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาทต่อปี
เราลองคำนวณรายได้สูงสุดในกรณีโสด ไม่มีค่าลดหย่อนอื่น ๆ นอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนดที่ 60,000 บาทสำหรับผู้มีเงินได้ และไม่ได้จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม จะต้องมีเงินเดือนเท่าไหร่จึงจะไม่ต้องเสียภาษี
รายได้สุทธิ = (รายได้ - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อนส่วนตัว)
150,000 = (รายได้ - 50%ของรายได้แต่ไม่เกิน 100,000 - 60,000)
ผลลัพธ์ : ผู้ที่ไม่ต้องเสียภาษีในกรณีนี้ต้องมีรายได้ไม่เกิน 25,833 บาท/เดือน ซึ่งก็หมายความว่าจะไม่ได้รับประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั่นเอง
ตัวอย่าง: ผู้ได้รับประโยชน์
แล้วคนที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง จะได้รับผลประโยชน์เท่าไหร่?
ในกรณีที่นาย A เป็นคนโสด ไม่มีค่าลดหย่อนอื่น ๆ นอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนด มีรายได้ทางเดียว เป็นเงินเดือนจำนวน 55,000 บาท ต่อเดือน
ค่าลดหย่อนที่จะได้รับ = (660,000 – 100,000 – 60,000 - 200,000) x อัตราภาษีตามขั้นบันได
ค่าลดหย่อนที่จะได้รับ = 300,000 x อัตราภาษีตามขั้นบันได
หมายความว่าหลังได้รับการลดหย่อน 200,000 บาทแล้ว นาย A จะต้องเสียภาษีเพียง 7,500 บาท ตามการคำนวณภาษีแบบขั้นบันได ดังนี้
เงินได้สุทธิ
ช่วงของเงินได้
อัตราภาษี
จำนวนเงินภาษีแต่ละช่วง (บาท)
0 - 150,000
150,000
0%
ไม่เสียภาษี
>150,000 - 300,000
150,000
5%
7,500
รวมจำนวนเงินต้องเสียภาษี
7,500
หากนาย A ไม่ใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีเงินได้ตามมาตรการนี้ จะต้องเสียภาษีตามรายได้สุทธิ 500,000 บาท (ไม่ได้ลดหย่อน 200,000 บาทจากมาตรการ) เป็นเงินจำนวน 27,500 บาท ตามการคำนวณภาษีแบบขั้นบันได ดังนี้
เงินได้สุทธิ (บาท)
ช่วงของเงินได้
อัตราภาษี
จำนวนเงินภาษีแต่ละช่วง (บาท)
0 - 150,000
150,000
0%
ไม่เสียภาษี
>150,000 - 300,000
150,000
5%
7,500
>300,000 - 500,000
200,000
10%
20,000
รวมจำนวนเงินต้องเสียภาษี
27,500
สรุป: นาย A สถานะโสด มีรายได้ 55,000 บาทต่อเดือน สามารถต้นทุนการซื้อบ้านหลังแรก ตามมาตรการนี้ไปได้ 20,000 บาท
(กรณีไม่มีค่าลดหย่อนอื่น ๆ นอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนด และมีรายได้ทางเดียว)เงินภาษีที่จะได้คืนสูงสุดเทียบกับรายได้ต่อเดือน
ช่วงเงินเดือน* (บาท)
เงินได้สุทธิ (บาท)
อัตราภาษี
เงินภาษีที่จะคืนสูงสุด (บาท)
0 - 25,833
0 - 150,000
ยกเว้น
ไม่ได้ประโยชน์จากมาตรการนี้
25,834 - 38,332
>150,000 - 300,000
5%
7,500
38,333 - 55,000
>300,000 - 500,000
10%
20,000
55,001 - 75,833
>500,000 - 750,000
15%
30,000
75,834 - 96,666
>750,000 - 1,000,000
20%
40,000
96,667 - 180,000
>1,000,000 - 2,000,000
25%
50,000
180,001 - 430,0000
>2,000,000 - 5,000,000
30%
60,000
>430,000
>5,000,000
35%
มากกว่า 60,000
*ช่วงเงินเดือนคิดจากสมมุติฐานคนโสด ไม่มีรายได้จากทางอื่น ๆ นอกเหนือจากเงินเดือน และไม่มีค่าลดหย่อนอื่น ๆ นอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนด หรือ คำนวณจาก รายได้ - ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อนส่วนตัวทั้งนี้หากคุณมีค่าลดหย่อนต่าง ๆ เพิ่ม เช่น มีคู่สมรส มีบุตร และอื่นๆ จะทำให้เงินได้สุทธิหลังหักค่าลดหย่อนต่าง ๆ ของคุณต่ำลงอีก เท่ากับว่าต้องเสียภาษีน้อยกว่าคนโสดอยู่แล้ว จึงได้รับผลประโยชน์จาก “มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง” น้อยนั่นเอง
ไม่น่าแปลกใจที่จะเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมายว่ามาตรการพยุงเศรษฐกิจดังกล่าว อาจไม่ช่วยลดต้นทุนในการซื้อบ้านของประชาชน และไม่กระตุ้นให้เกิดการโอนกรรมสิทธิ์ ซื้อบ้านได้มากขึ้นนัก เพราะคนที่มีรายได้น้อยจะไม่ได้รับประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีเงินได้ หรือได้รับการลดหย่อนน้อย ส่วนคนที่มีรายได้มากก็มีแนวโน้มสูงที่จะมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองอยู่แล้ว หากซื้อบ้านใหม่ก็จะเป็นบ้านหลังที่สอง หรือ มากกว่านั้น ทำให้ไม่ตรงตามเงื่อนไขของ มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นคนที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขดังกล่าว ก็อย่าลืมเก็บเอกสารและหลักฐานการซื้อบ้าน-คอนโด สำหรับยื่นภาษีในปีหน้าได้เลย สำหรับคนที่ไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้ก็อย่าได้เสียใจไป เพราะ คนที่สนใจซื้อที่อยู่อาศัยในปีนี้ก็ยังได้รับโปรโมชั่น ดีลอสังหาริมทรัพย์ดี ๆ มากมายจากโครงการต่าง ๆ ของภาคเอกชนที่ทุกรายต่างพยายามกระตุ้นให้เกิดการซื้ออสังหาริมทรัพย์อยู่นั่นเอง
หากใครกำลังมองหาโปรโมชั่นดี ๆ ดีลอสังหาเด็ด ๆ ที่ทำให้คุณซื้อบ้านได้อย่างคุ้มค่า และรวดเร็ว สามารถค้นหาได้ทางเว็บไซต์ Tooktee เว็บรวมดีลอสังหา ให้คุณช็อปได้อย่างจุใจ เลือกดูดีลทั้งหมดได้ที่นี่ >> https://www.tooktee.com/all-deal
ที่มา :
https://www.prachachat.net/finance/news-321611
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1476569
https://www.itax.in.th/pedia/โครงการบ้านหลังแรก
-
รายได้ = รายได้รวมทั้งปี 55,000 x 12 = 660,000 บาท
(ในกรณีนี้เป็น เงินได้ประเภทที่ 1 คือ เงินได้พึงประเมินในรูปของเงินเดือน หรือค่าตอบแทนจากการทำงานประจำ) -
หักค่าใช้จ่าย = 50% ของ 660,000 = 330,00 แต่หักค่าใช้จ่ายได้เพียง 100,000 บาท
(หักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 50% แต่สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท) -
หักค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
(ค่าลดหย่อนส่วนตัว ใช้เป็นค่าลดหย่อนแบบเหมา 60,000 บาทต่อปี สำหรับผู้ยื่นภาษีทุกคน) -
หักค่าลดหย่อนตามมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง 200,000 บาท
-
ไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหว ติดตาม Tooktee (ทุกที่) ผ่านโซเชียลมีเดีย